มาดูตัวอย่างการเซ็ต Goal ให้การตลาดเฟซบุ๊ก


มี 5,000 likes ต้องลงโฆษณาเพื่อให้ได้ 500,000 likes
ถึง 500,000 likes แล้วยังต้องลงโฆษณาเพื่อให้ถึง 5,000 Reached อีก

ถุย ชีวิต

ผมว่าวังวนนี้มันชักจะอุบาทว์ขึ้นทุกวัน แบบนี้ก็จ่ายแบบ non-stop เลยนะสิ...แหม่ กูไม่ใช่ขาตึ๊ดนะเฟ้ย จะมากาโวกาโวจนเช้า

แต่อย่าเพิ่งไปโทษ facebook เลยนะครับ ระบบเขาถูกออกแบบมาเพื่อคุ้มครอง user ครับ เพราะถ้าปล่อย Reach สูง ก็คงจะมีแต่คำคมเลี่ยนๆ เต็มหน้า feed พอดี ญาติโยมใครบวชก็คงจะไม่ได้เห็นข่าวกล่าวบุญกัน...

facebook ไม่ผิด แล้วที่อุบาทว์นี่ หมายถึงอะไร...?

ก็ logic ของคุณไง ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ !!!

(logic หรือ Logical Thinking ; การคิดที่มีลำดับขั้นตอน เป็นเหตุเป็นผล)

โพสต์ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดว่าถ้าคุณจ่ายจนเป็นนิสัยคุณก็จะจ่ายไม่หยุด ดังนั้นคุณต้องทำอย่างอื่นให้เป็นนิสัย แล้วใช้เงินเป็นแค่ตัวผลักดันกลายๆ อย่าใช้เป็นตัวผลักดันหลัก ไม่งั้นก็จะกลับมาเสพติดการจ่ายอีก

logic ที่ผมอยากให้ปรับเลยก็คือ การตั้ง Goal (ผลลัพธ์ของเป้าหมาย) ในแต่ละกิจกรรม - แต่ละขั้นตอนของคุณ

เริ่มจาก

- โพสต์แล้วคนต้องเห็นกี่คน > เห็นแล้วคลิกเข้าเว็บเท่าไร > เข้าเว็บแล้วได้กี่ contact > contact ไปแล้วปิดการขายได้กี่คน

เป็นต้น

สังเกตว่า กิจกรรมหลักที่ผมยกตัวอย่างข้างบน มันจะมีขั้นตอนต่อเนื่องซึ่ง...ในขั้นตอนนั้นๆ มันจะมี Goal ของตัวเอง

===========================

การตั้ง Goal ไม่ได้เอาไว้เพื่อชื่นชมเฉยๆ แต่เอาไว้เพื่อวัดผลว่าเราควรจะเดินต่อ หรือ แก้ไข หรือ เปลี่ยนวิธีการ ฯลฯ

เช่น วันนี้ตั้งใจจะปั่นจักรยานออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนัก 15 กิโลใน 1 เดือน (Goal ใหญ่) คุณต้องตั้ง Goal (เล็ก) แล้วว่าจะปั่นให้ได้กี่กิโลเมตรต่อวัน

ถ้าวันนี้คุณปั่นไม่ได้ตามเป้า คุณต้องพิจารณาแล้วครับว่าอะไรคือปัญหา ก็จัดการแก้ไขมันซะ

เมื่อทำได้ตามเป้า วันต่อไปก็ขยายเป้า จนเมื่อขยายไม่ไหวค่อยยึดตัวเลขนั้นเป็นมาตรฐานหลัก แล้วรักษา Goal นี้ไว้

ถ้าคำนวณชัดเจนแล้วว่า ท้ายที่สุดจะไม่ถึง Goal ใหญ่ในเวลาที่กำหนด ก็หันไปทำอย่างอื่นเสริม แล้วก็ตั้ง Goal เล็กในสิ่งนั้นอีกที...

ทำอย่างนี้เรื่อยๆ ครับ แล้ว Goal ใหญ่ของคุณจะใกล้เข้ามา

***ในทางธุรกิจ คุณคงนึกออกนะครับว่า Goal ของคุณคืออะไร?

===========================

ในหลักสูตรที่ Facebook for Business 2015 ที่ผมสอน ผมจะสอนให้ตั้ง Goal เล็กอยู่ 3 ระดับก่อนครับ คือ

A ; ผลลัพธ์ของกิจกรรม
B ; ผลลัพธ์ของการเก็บ contact
C ; ผลลัพธ์ของการปิดยอดขาย

ถ้าเอา Goal ที่ผมสอนไป Match กับตัวอย่างการโพสต์ด้านบน ก็จะได้...

A = โพสต์แล้วคนต้องเห็นกี่คน , เห็นแล้วคลิกเข้าเว็บเท่าไร
B = เข้าเว็บแล้วได้กี่ contact
C = ปิดการขายได้กี่คน

เมื่อ...เรามั่นใจว่าคนที่เห็นโพสต์ ต่ำกว่า Goal ที่ตั้งไว้มากๆ เราค่อยแก้ไขวิธีการ ซึ่งอาจนำ Facebook ads เข้ามาเสริม (แต่ต้องมีวิธีอื่นด้วย ไม่งั้นก็จะติดนิสัยใช้แต่ Ads เข้าว่า แต่ไม่พัฒนากลยุทธ์การตลาดเอง)

นี่คือ logic ง่ายๆ ที่จะทำให้คุณเห็นเส้นทางการทำธุรกิจแบบยั่งยืน ผมอาจพูดเชิงวิชาการไปบ้าง แต่ลองสังเกตสิ ทุกอย่างที่ผมพูด คุณเคยทำมาแล้วทั้งนั้น แต่คุณทำแบบสะเปะสะปะไง ผมแค่พยายามอธิบายให้เป็นลำดับ เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้เท่านั้นเอง

ต้องรู้จัก Set a Goal ครับ เพราะเมื่อไม่มี Goal จะไม่มีการวัดผล คุณจะไม่รู้ว่าปัญหาของธุรกิจคุณคืออะไร ท้ายสุดก็จะคิดเอาแต่ง่าย คือการลงเงินโฆษณา

แล้วก็จะเสพติดการลงโฆษณาแบบงอมแงม รักษาไม่หายสักที
ขับเคลื่อนโดย Blogger.