เทคนิคการเขียนคำโฆษณาเฟซบุ๊ก ตอนที่ 1 ; สร้างความสนใจในสินค้า

คุณเคยงงไหมว่าทำไม ลงโฆษณาแบบเฟ้นเป้าหมายสุดๆ แล้ว แต่...

1. ได้แต่ไลค์ ไม่มีใครติดต่อกับ ?
2. การเข้าถึงโฆษณาแบบ Organic น้อยมากทั้งที่ Like ออกจะสูง เมื่อเทียบกับ Post ปกติ !!!

ถ้าวันนี้คุณยังเจอปัญหานี้อยู่ คุณต้องรีบแก้โฆษณาของคุณแล้วล่ะ เพราะมันกินเงินโดยไม่ให้อะไรกลับมาไงครับ

แต่ก่อนจะบอกวิธีแก้ไข ผมอยากชี้ให้เห็นปัญหาก่อนว่าผลลัพธ์แบบนี้เกิดขึ้นจากอะไร...

1. คุณสื่อสารไม่มีมิติ พูดจาแข็งทื่อยังกับโบรชัวร์หน้าเซนทรัลไง
2. บทความของคุณมันไม่มีผลต่อชีวิตของผู้อ่าน...อ่านจบก็จบ อย่างมากก็ตอบแทนกันด้วยไลค์ แต่ไม่แชร์ ก็ไม่รู้จะแชร์ไปให้หมาที่ไหนอ่าน... (สำหรับ Post ad การเข้าถึงแบบ Organic จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการแชร์เท่านั้น )

เมื่อรู้ที่มาของปัญหา ก็เริ่มเห็นวิธีแก้แล้วใช่ไหมครับ การแก้ไขโครงสร้างภาษา เป็นวิธีที่ชัดเจนที่สุดครับสำหรับการเรียก feedback จากคนอ่าน เดี๋ยวผมจะสอนการเขียนข้อความสำหรับโฆษณาที่ดี เพื่อปิดจุดอ่อนทั้ง 2 ข้อข้างบนให้ครับ แต่รับปากก่อนนะ ว่าจะตั้งใจอ่านดีๆ...

ก่อนจะเริ่มเรียนรู้การเขียน ผมอยากให้ทุกคนหันไป Hi5 กับคนข้างๆ แล้วพูดว่า "คุณปากเหม็นมาก รู้ตัวไหม?" ล้อเล่นครับ

ผมอยากให้ทุกคนคิดก่อนว่าจะโฆษณาเพื่ออะไร?

ลองย้อนขึ้นไปอ่านปัญหา 2 ข้อที่ผมกล่าวถึงครับ นั่นก็เป็นวัตถุประสงค์ในการโฆษณาเหมือนกันนะ อย่างข้อแรก ผมอยากโฆษณาเพื่อให้คนเดินเข้ามาถามหลังไมค์ จะได้ปิดการขายง่ายๆ ไม่ใช่เดินเข้าเซเว่น...หรืออย่างที่สอง ผมอยากกระจายบทความให้เยอะ เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุนโปรโมต

ดังนั้นผมก็จะ Focus ทีละอย่าง ดังภาษิต "กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง" ไงล่ะครับ

อย่างแรก ผมจะต้องวางโครงสร้างภาษาเพิ่อดึงให้คนอ่านรู้สึกมี inner ไปกับตัวสินค้า แล้วอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือ อยากได้บางสิ่งจากเรา แล้วตามมาสอบถามในช่องทางที่เราระบุไว้พิเศษ

Template สำหรับการเขียนบทความโฆษณาให้จำตามนี้ เรียงตามหัวข้อเลยนะ

1. ปัญหาหลักของลูกค้ากลุ่มนี้ ประมาณ 1-3 ปัญหา
2. นำเสนอสรรพคุณ / คุณภาพ / ลักษณะพิเศษ ของสินค้าที่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาในข้อ 1.
3. Reference หรือ Rewards หรือ Profile ที่เป็นเชิงบวกของสินค้า
4. Promotion / Offer 
5. Contact หลักเพียงช่องทางที่จำเป็นเท่านั้น

ตัวอย่าง

ปากพี่เหม็นจนไม่กล้าคุยกับใครใกล้ๆ ใช่ไหมครับ?
พี่แปรงฟันตั้ง 2 ครั้ง แต่ก็ยังมีกลิ่นปากอยู่ใช่ไหมครับ?

นั่นเพราะยาสีฟันของพี่ไม่มีสารสำคัญที่ช่วยระงับการเติบโตของแบคทีเรียยังไงครับพี่...โดยปกติยาสีฟันตามท้องตลาด เน้นการทำความสะอาดเป็นหลัก ถ้าจะใส่สารสำคัญด้านอื่นลงไป ราคาก็จะสูงครับ ดังนั้นยาสีฟันทั่วไปจึงแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด

สารสำคัญที่ช่วยระงับการเติบโตของแบคทีเรีย ตอนนี้ที่กำลังนิยมในอเมริกาคือ สารสกัดจากใบฮอร์สเชสนัทครับ ได้รับการวิจัยและพัฒนาจนสามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้นานข้ามวัน 

และในวันนี้ทางร้านก็จะขออนุญาตแนะนำ "ยาสีฟันไว้ท์ไวท์" ที่มีสารสกัดจากใบฮอร์สเชสนัท ถึง 5% ช่วยระงับกลิ่นปากได้ยาวนาน พร้อมกันนี้ยังผสมกลิ่นมิ้นต์ช่วยให้ลมหายใจสดชื่น ให้เราใกล้ชิดคนอื่นได้โดยไม่ต้องพึ่งหมากฝรั่งให้เปลืองเงินครับ 

นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ ไวท์ไวท์ เป็นที่นิยมอย่างสูงในสหรัฐ และยังได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดสินค้าประจำบ้านแห่งปี 2555 ที่เยอรมนีด้วยนะครับ

ในโอกาสนี้เราได้นำเข้ามาจำหน่ายในราคา หลอดละ 290 บาท และในเดือนนี้มีจำนวนจำกัดมากครับ เพียง 100 หลอดเท่านั้น 

พิเศษสำหรับพี่ๆ ที่ตัดสินใจซื้อด่วนผ่านทาง Line จำนวน 100 ท่านแรก  เราจะทำการจัดส่ง ems ให้ฟรีครับ หลังจากนั้นคิด ems เพิ่ม 52 บาทครับ

ติดต่อด่วนที่
Line; zzzzzcddaaaaaaaa

========================

ก็ประมาณนี้ครับ สังเกตว่าผมจะใช้ภาษาแบบน้องคุยกับพี่ เพราะผมอยากให้รู้สึกเหมือนคนกันเอง ไม่อยากให้เหมือนคนอ่านข้อความผ่านโบรชัวร์ที่รับแจก ซึ่งการใช้คำที่มีลักษณะนอบน้อมก็ดี จริตจะร่านก็ดี ฯลฯ ลักษณะเหล่านี้เรียกว่า "สำเนียง" ครับ ไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับกาละ-เทศะครับ

ผมลองใช้ตาม Template นี้แล้ว Feedback ดีอย่างน่าแปลกใจครับ มาทั้ง Line มาทั้ง inbox แถม comment ก็เยอะขึ้น

มันอาจไม่ใช้การใช้ภาษาและโครงสร้างที่ดีที่สุด แต่ผมเน้นที่เจตนา 2 ข้อหลักๆ ครับ

1. การติดตามอ่านอย่างตั้งใจ ; การเอาปัญหาของลูกค้าขึ้นมาก่อน จะทำให้ลูกค้าอยากรู้อยากเห็นว่าเรามีของดีอะไรจะนำเสนอ และจะสร้างการจดจำได้ดีครับ
2. การเร้าให้ไปต่อ ; ผมมักปิดท้ายด้วยการเร้าให้ลูกค้าติดต่อมาไม่ทางใดก็ทางนึง อาจใช้ offer (บวก death line) หรือ ข้อมูลเด็ดที่ต้องบอกกันลับๆ ฯลฯ เป็นตัวเร้าก็แล้วแต่ความสะดวก ทั้งนี้สามารถส่งเข้า Farm ของเราได้ครับ เพื่อทำ List ลูกค้าของตัวเอง แต่ใช้ Line จะสะดวกสุดนะ

การโฆษณาขายสินค้า ต้องคิดให้มากกว่าการนำเสนอสินค้าแล้วให้ลูกค้าตัดสินใจเองว่าจะซื้อหรือผ่าน...ไม่ว่าจะซื้อหรือผ่าน ก็ขอให้เป็นการตัดสินใจหลังจากได้คุยกับเรา ให้เราได้พยายามเชียร์ขายเต็มที่ก่อน...เข้าใจนะครับ

ว้า ว่าจะเขียนให้ครบ 2 ข้อ แต่แค่ข้อแรกก็ยาวซะละ เดี๋ยวมาต่อข้อที่ 2 ในครั้งหน้านะครับ ถ้าอยากอ่านไวๆ แชร์ต่อพอเป็นการแสดงน้ำใจก็ดีนะครับพี่ครับ

photo on ig; @vansgirls
ขับเคลื่อนโดย Blogger.