ประสบการณ์ "เฉียดตายครั้งแรก และตกงานครั้งแรก"
ใครที่ได้ติดตามการบ่นของผมมาตั้งแต่ปี 56 คงพอทราบที่มาที่ไปของชีวิตผมในระดับนึงล่ะ แต่ก็อยากจะขย้อนมันออกมาเคี้ยวใหม่อยู่บ่อยๆ เพราะในแต่ละครั้งที่เล่า มันมีแรงขับที่ต่างกัน ผมเชื่อว่าแรงขับนั้น จะสะกิดผู้อ่านให้ได้แง่คิดบ้าง ไม่ซ้ำครั้ง
ในวันนี้ผมอยากจะเล่าถึงประสบการณ์ "เฉียดตายครั้งแรก และตกงานครั้งแรก"
ในปี 49 ผมเพิ่งจะจบรามคำแหงใหม่ๆ แล้วได้เข้าทำงานบริษัทนึงแทบจะทันที เริ่มต้นทำงานเมื่อปลายปี 49 ถึงต้น 50 ยังไม่ทันจะครบศก ผมได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์รุนแรงมากทีเดียว
เหตุการณ์ครั้งนั้น ผมซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อน เพื่อนพาแหวกไฟแดงแบบชิลด์ๆ เราโดนรถจากทางเอกจูบท้าย...แล้วสติของผมก็ปลิวหายไป ณ บัดดล
ผมตื่นมาเจอแพทย์พยายามจะเอาเข็มงัดหัวผม ผมขัดขืนพองามแบบนางเอกละคร
หลังจากที่ใช้เวลาเรียบเรียงสถานการณ์ ผมก็เข้าใจทั้งหมดว่า ผมได้รับบาดเจ็บ...แต่รอดตาย
อาการนั้นคืนนั้นไม่น่ารุนแรง ผมโดนเย็บหัว 4 เข็ม หู 4 เข็ม แค่นี้เอง...แต่ปรากฏว่า..สมองผมได้รับกระทบกระเทือน !!!
คุณหมอตรวจเจอว่าผมมีเลือดออกในสมองนิดนึง (ตรงที่แตก 4 เข็ม) จะว่าอันตรายมากไหม ก็อันตราย แต่คุณหมอกลัวว่าถ้าตัดสินใจผ่าตัดมันก็จะเสี่ยงมากกว่า
ดังนั้น คุณหมอจึงตัดสินใจขังผมไว้ในห้องไอซียู เพื่อรอดูอาการก่อน (ขังในห้องพักปกติ จะไม่มีพยาบาลคอยเฝ้า)
ในคืนแรกไม่ค่อยจะมีอะไรหรอก ชิลด์ๆ
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นไป หัวผมจะระเบิดทุกคืน ผมปวดร้าวจนน้ำตาไหล ทั้งร้อนและปวด อย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน
บางคืนผมก็เรียกพยาบาลมาฟังผมคร่ำครวญ บางคืนก็เรียกไม่ได้ยิน (พยาบาลติดละคร)
บางวันผมก็ช่วยตัวเองได้ แต่บางวันพยาบาลก็ใจดีเช็ดตัวให้ผม รวมทั้งเจ้าหนูของผม...ในตอนนั้นมันเป็นเด็กดีมาก ไม่ดื้อ ไม่ซน...แต่ผมก็อยากจะพูดลอยๆ แก้เขินเหมือนกันนะว่า "ปกติผมไม่เล็กนะครับ..."
ผมนอนคนเดียว...มีคนอื่นเข้ามาบ้าง แล้วก็จากไป...
แต่โชคดี ที่สุดท้าย หัวผมมันก็หายได้เอง ผมเริ่มดีขึ้น คุณหมอให้ไปพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยปกติ แค่ 1 เดือน...เอง
หลังจากออกโรงพยาบาล ก็คิดว่าไม่น่าจะซวยอะไรอีกแล้วนะ แต่ผลกระทบจากอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่ปกติสมบูรณ์ ยังปวดหัวเป็นพักๆ ข้อเท้าก็เจ็บแปลบๆ เหมือนกระดูกร้าวแล้วยังไม่สมานดี
หลังจากออกโรงพยาบาล กลับไปทำงาน ผมจำเป็นต้องขาดงานบ่อยหน...และท้ายที่สุดบริษัทก็ไม่ให้ผ่านโปร...
ผมไม่ได้เจ็บปวดมากหรอก เพราะอาการผมดีขึ้นตามลำดับ แต่ในตอนนั้นงงว่า การไม่ได้ผ่านโปรเนี่ย...มันคืออะไร
ในตอนนั้นเอง ผมได้สัมผัสความผกผันของ "ชีวิตคนทำงานบริษัท" ครั้งแรก !!!
ผมไม่อยากย่อยรายละเอียดกับเกี่ยวบริษัทนะ เพราะผมพ้นจุดที่จะต้องเคียดแค้นอะไรใครแล้ว
ในครั้งนั้น ผมเรียนรู้ว่า ถ้าวันนี้เรายังมีค่าสำหรับเขา เราก็จะได้ทำงาน แต่ถ้าวันนึงเราไม่มีค่าสำหรับเขา เขาก็จะไม่ให้เราทำงาน...
การรอดชีวิตราวกับปาฏิหาริย์ ทำให้ผมลำพองใจว่า ผมเป็นอมตะ แล้วก็สัมเลเทเมามาโดยตลอด เพราะคิดว่ายังไงก็กำไรแล้ว...
จนเมื่อ ตับอ่อนอักเสบ นอนโรงบาลอีก 1 เดือน เมื่อ 54
ผมไม่ได้อมตะนี่หว่า
แล้วจากนั้นเอง ผมมุ่งมั่นเหลือเกินที่จะใช้ชีวิตในส่วนที่ยังเหลืออยู่นี้ ให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นมากที่สุด
คนอื่น ณ ที่นี้ ผมหมายถึง ครอบครัว..และคนที่เชื่อมั่นในตัวผม
ในตอนนี้ผมมีเป้าหมายชีวิตแล้ว ผมเดินอย่างไม่เป๋ อาจจะเซ แต่ผมก็จะเดินในเส้นทางเดิม ไม่ว่าผมต้องเจออะไร ผมก็จะไปให้ถึงครับ
ทีนี้...จะย้อนถามคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ว่า
ชีวิตที่เหลือของคุณ มีเป้าหมายหรือยัง...แล้วคุณเริ่มต้นเดินทางแล้วหรือไม่?
สู้ๆ นะครับ
Leave a Comment