เริ่มต้นการขายสินค้าในเฟซบุ๊กด้วย "คุณภาพสินค้า"

เมื่อก่อนผมเคยเชื่ออย่างทระนงว่า นักการตลาดที่ดี ต้องขายสินค้าให้ได้สิ ไม่ว่ามันจะห่วยแค่ไหนก็ตาม ความเชื่อนี้เองเป็นแรงกระตุ้นให้ผมรู้สึกท้าทายและไม่เคยเหี่ยวเฉา 


แต่ผมเพิ่งจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ คนที่ขายสินค้าได้แม้สินค้าจะห่วย คือ นักขาย ไม่ใช่นักการตลาด !!!

เพราะการตลาด ไม่ใช่จบแค่การขาย แต่หมายถึงการสร้างเงื่อนไขกลายๆ ให้สินค้ายังขายได้ตลอดเวลาแม้จะไม่มีคนขายก็ตาม ซึ่ง...หากสินค้าไม่ดีจริง คงยากที่จะขายซ้ำได้

สมัยที่ผมยังคลุกคลีในฝ่ายพัฒนาสินค้า พวกเราต้องวิจัยข้อมูลการตลาดและข้อมูลสินค้าอย่างหนัก เพื่อหาจุดอ่อนจุดแข็งสินค้าของคู่แข่งแต่ละราย พร้อมกับออกแบบการตลาดไปในตัว (การตลาดเริ่มต้นตั้งแต่สินค้ายังไม่ finish goods ซะด้วยซ้ำ) 

ส่วนประกอบหรือสารประกอบ ตัวไหนคือจุดเด่นที่น่าจะขายได้ หรือตัวไหนกำลังจะบูม เราต้องรู้และจำเป็นต้องมี เอาสารประกอบที่ซ้ำๆ หรือมีมานานแล้วมาผลิต ความน่าสนใจในตัวสินค้าจะลดต่ำลงทันที  และหากผู้ผลิตบอกว่า สารตัวนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ต้องให้ผู้ผลิตอธิบายกลไกอย่างชัดเจน พร้อมกับยืนยันด้วย Reference ที่น่าเชื่อถือ (ผลวิจัยจากสถาบันระดับประเทศ) เพียงแค่ wikipidea ไม่สามารถอ้างอิงอะไรได้เลย 

ทั้งนี้เพื่อสำรองข้อมูลไว้ทำตลาด เพราะถ้าเราหูเบา เชื่อผู้ผลิตไปซะหมด โดยที่ไม่มีหลักฐานยืนยันคำพูด แล้วมาสืบรู้ทีหลังว่าที่เขาโม้ๆ มามันไม่จริงหรือคลาดเคลื่อนไปหมด เราจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก และเป็นอุปสรรคในการขายในอนาคต

สรุปแล้ว ความเชื่อในตอนนั้น คือ เราต้องผลิตสินค้าที่คุณภาพจริงๆ เท่านั้นถึงจะมีศักยภาพทัดเทียมหรือแซงคู่แข่งได้

ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้ จนเมื่อเริ่มศึกษาศาสตร์ของการตลาดจริงๆ จังๆ ช่วงนึง ผมก็ดันมีความคิดแบบทระนงเข้าครอบงำ ว่านักการตลาดที่เก่งจริงๆ ต้องทำให้สินค้าขายได้สิ ไม่ว่าสินค้าจะห่วยยังไง...ผมลำพองในความเชื่อผิดๆ นี้อยู่พักใหญ่ 

ต่อมาเมื่อมีโอกาสได้มาเป็นพ่อค้าเองจึงได้เข้าใจ และแยกแยะบทบาทของนักขายและนักการตลาดออกจากกันได้อย่างชัดเจน

นักขาย คือ คนที่ขายสินค้าด้วยตัวเขาเอง ไม่ว่าสินค้าจะเป็นอย่างไร เขาจะสามารถขายสินค้าได้ด้วยทักษะส่วนตัวเป็นหลัก

นักการตลาด คือ คนที่ทำให้สินค้าขายได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าวันนี้จะมีพนักงานยืนกล่อมลูกค้าหรือไม่ ลูกค้าจะตรงเข้าไปหยิบสินค้า แล้วไปจ่ายเงินโดยอัตโนมัติ

ในการขายครั้งแรก คุณจะพูดอะไรก็ได้ แต่ในครั้งต่อไป คุณภาพสินค้าจะเป็นสิ่งเดียวที่ผู้ซื้อพิจารณา

การผลิตสินค้าคุณภาพ ช่วยให้การตลาดง่ายขึ้นมาก มันเป็นเงื่อนไขผูกพัน เพื่อให้ลูกค้าวางใจ และกลับมาซื้อซ้ำอีก...แถมเกิดการตลาดแบบปากต่อปากได้อย่างรวดเร็วด้วย

ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าสินค้าคุณห่วย ไม่สมราคา คุณจะเป่าร้องอย่างเต็มปากเต็มคำ เพื่อเรียกลูกค้าเข้ามาซื้อได้อย่างไร...กลับกัน ถ้าสินค้าคุณเจ๋ง คุณภาพสมราคา ทีนี้อะไรมันก็ง่ายขึ้นแล้วใช่ไหม?

ข้อเขียนทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้มุ่งหวังให้เจ้าของสินค้า หันมาผลิตสินค้าคุณภาพ...มันแล้วแต่คุณครับ

แต่ผมตั้งใจส่งสาส์นไปยังนักขายมือใหม่ ว่าควรเริ่มต้นการขายจากสินค้าที่มีคุณภาพก่อน เพราะมันจะง่ายในการขายครั้งต่อไป

จำไม่ได้แล้วว่าผมเคยกล่าวถึงในบทเรียนบทไหนนะ ที่ผมบอกไว้ว่า หลักการของธุรกิจมี 2 อย่าง 
1. หาลูกค้าใหม่
2. รักษาลูกค้าเก่า

ถ้าคุณได้สินค้าที่มีคุณภาพสมราคามาขาย คุณจะได้ทั้ง 1 และ 2 โดยไม่ต้องเหนื่อยมากเกินความจำเป็นครับ
ขับเคลื่อนโดย Blogger.